อยากบอก อยากเล่า
![]() ปัจจุบันมีผู้คน นักเดินทางมาดูเยี่ยมเยียนศึกษาเรียนรู้และพักโฮมสเตย์บ้านจำรุงอยู่เสมอตลอดทั้งปี จากข้อมูลของชุมชนบ้านจำรุงในปี ๒๕๕๐ มีผู้คนเดินทางมาที่นี่มากกว่า ๕๐,๐๐๐ คน ทั้งที่มาพักและมาแวะเพื่อเยี่ยมเยียนชุมชน ผู้คนที่มามีทั้งนักพัฒนา ผู้นำชุมชน นักวิชาการ นักศึกษา ผู้บริหารประเทศ ก่อนหน้าที่จะเป็นบ้านจำรุงโฮมสเตย์อย่างที่เห็นกันทุกวันนี้ มีการช่วยกันคิด หารูปแบบของโฮมสเตย์ว่าควรจะเป็นอย่างไร ต้องปรับปรุงสภาพบ้าน สภาพแวดล้อม สภาพชุมชนขนาดไหน ถึงกับมีคนเสนอให้ปรับปรุงสภาพบ้านให้เป็นรูปแบบรีสอร์ท เพื่อให้คนที่มาพักโฮมสเตย์ได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด มีหลายความคิดเสนอแนวทางเข้ามามากมาย แต่ละความคิดมีเรื่องที่ต้องทำมากขึ้น ชาวบ้านจำรุงจึงกลับมาย้อนดูความตั้งใจแรกอีกครั้งว่า วัตถุประสงค์แรกในการจัดตั้งโฮมสเตย์ขึ้นก็เพื่อต้องการใช้กิจกรรมโฮมเสตย์เป็นเครื่องมือในงานพัฒนา ให้ชุมชนสะอาด มีสุขภาวะที่ดี และต้องการให้ผู้คนภายนอกได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของชุมชน สามารถนำไปเป็นแบบอย่างได้ ดังนั้นการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงต่างๆที่ต้องใช้งบประมาณมากมาย จึงไม่มีความจำเป็น เพียงแต่ครอบครัวที่เป็นสมาชิกโฮมสเตย์หมั่นดูแลความสะอาดของบ้าน คอยดูแลปรับปรุงส่วนที่ชำรุดให้ใช้การได้อยู่เสมอ นอกจากจะเป็นการประหยัดงบประมาณแล้วยังได้ประโยชน์จากการดูแลความสะอาดบ้าน ชุมชนตรงตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกลุ่มโฮมสเตย์ และเป็นการประหยัดงบประมาณอีกด้วย ส่วนเรื่องของค่าที่พักโฮมสเตย์ อยู่ที่ราคา 120 บาทต่อคืน พร้อมอาหารเช้า โดยเงินรายได้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 70 บาทจะให้กับเจ้าของบ้าน 40 บาทจะเป็นค่าอาหารเช้าที่ทางกลุ่มจัดเตรียมให้ ส่วนอีก 10 บาทนั้นจะสมทบเป็นเงินในการบริหารจัดการกลุ่ม โฮมสเตย์บ้านจำรุงกับบทบาททางสังคมสงเคราะห์
ชาวบ้านที่นี่ไม่ได้มีใครเรียนสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ แต่ทุกคนมีแนวคิดการบริการ ทุกคนมีจิตสาธารณะ ทุกคนยินดีทำเพื่อให้ชุมชนแข็งแรง เข้มแข็งขึ้น ซึ่งการจัดที่พักโฮมสเตย์นั้น ครอบครัวที่เป็นสมาชิกโฮมสเตย์จะต้องมีจิตใจที่เปิดกว้างอย่างมาก และสามารถยอมรับในความแตกต่างของบุคคลได้ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญทางสังคมสงเคราะห์ ที่จะต้องยอมรับว่าบุคคลทุกคนย่อมแตกต่างกันไปตามปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสภาพความเป็นอยู่ การเลี้ยงดู สภาพแวดล้อมเพราะฉะนั้น ความแตกต่างของบุคคลเป็นสิ่งที่สมาชิกโฮมสเตย์ได้ยอมรับ ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะสามารถทำกันได้ทุกคน ชาวบ้านจำรุงคนหนึ่งล่าให้ฟังว่า ถ้าเป็นคนในเมืองคงตอบว่า แต่สำหรับคนที่บ้านจำรุงนั้น อ ผู้คนที่เป็นสมาชิกโฮมเสตย์ สามารถเปิดใจยอมรับ ความแตกต่างของบุคคลอื่นได้เป็นอย่างดี อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ ก็คือ การแบ่งงานกันทำตามความถนัดของแต่ละบุคคล เช่น ครอบครัวใดที่มีฝีมือด้านการทำอาหาร ก็จะรวมตัวกันเป็นฝ่ายจัดเตรียมอาหาร ครอบครัวใดมีความรู้เรื่องความสามารถพิเศษก็จะรวมกลุ่มกันแบ่งปันความรู้ แนวทางการทำงานของกันและกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน เพราะเมื่อแต่ละคนได้ทำงานที่ถนัด นั่นก็หมายถึง ความชอบ และความเต็มใจที่จะทำงานนั้นนั้นอย่างเต็มที่ งานที่ออกมาก็มีประสิทธิภาพ เพราะคนเมื่อชอบและถูกมอบหมายให้ไปทำ ก็จะทำอย่างสุดชีวิต เพื่อให้งานที่ได้รับมอบหมายมานั้นเสร็จสมบูรณ์ และภูมิใจในสิ่งที่ทำ นอกจากผู้ที่มาพักโฮมสเตย์แล้ว จะได้เรียนรู้ ศึกษาวิถีชีวิตของชุมชนบ้านจำรุง ผู้คนในชุมชนเองก็ยังได้รับความรู้ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันและกัน จากการที่พูดคุยระหว่างที่พักอยู่ในชุมชน ไม่ว่าจะพูดคุยกันเรื่องใดก็สามารถเปลี่ยนเป็นความรู้ได้ ทั้งเรื่องอาหาร อาชีพ ที่อยู่อาศัย การทำมาหากินต่างเป็นประโยชน์ให้กันและกัน หากไม่มีคนจากภายนอกเข้ามา และคนจากข้างในไม่ออกไป ชุมชนจะเรียนรู้และพัฒนาได้อย่างไร จะเห็นได้ว่าชาวบ้านจำรุง ถึงแม้จะไม่มีความรู้ด้านสังคมสงเคราะห์แต่ทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มแกนนำนั้นเข้าใจในหลักการสังคมสงเคราะห์เป็นอย่างดี ไม่เพียงแต่ในกลุ่มโฮมสเตย์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสวัสดิการต่างๆที่ทางหมู่บ้านจัดให้กับสมาชิกในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล ฌาปนกิจสงเคราะห์ที่มีกลุ่มงานอื่น ๆ รับผิดชอบ เมื่อสมาชิกเสียชีวิต หรือพ่อแม่ของสมาชิกได้เสียชีวิตไปก็จะมีเงินช่วยให้กับสมาชิก แสดงให้เห็นว่าบ้านจำรุงได้เดินทางสังคมสงเคราะห์แล้ว แม้ส่วนใหญ่ในประเทศจะยังทำไม่ได้ แต่ถ้ามีใครกล้าที่จะเริ่มก็จะทำให้มีคนปฏิบัติและทำตามในที่สุด เคยมีผู้นำชุมชนท่านหนึ่งที่มาศึกษาดูงานที่บ้านจำรุงถึงกับกล่าวว่า “บ้านจำรุงควรเป็นประเทศไทย” ![]() จุดแข็ง ของบ้านจำรุงโฮมสเตย์ จุดอ่อน อยากฝาก
โฮมเสตย์บ้านจำรุง จะทำให้ท่านได้พบกับปรัชญาของชีวิตการอยู่ร่วมกัน การเอื้ออาทร การแบ่งปัน การเคารพกันและกัน อาหารสุขภาพทั้งกายและใจ ซึ่งในสังคมเมืองแทบจะหาไม่ได้แล้ว
|
หน้าแรก > มหาวิทยาลัยบ้านนอก >